วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“ยายแม้น”


ยายแม้น
แกมีอาชีพหาบเร่ขายของใช้ของเล่น ตามเส้นทางจากวังหลวงไปหาวัดใหญ่ชัยมงคล
ยายแม้น แกมีลูกคนเดียวชื่อ มานะ
ตอนเด็กเลี้ยงยาก หมอดูบอกว่าให้พาไปให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดใหญ่ฯ
ท่านประพรมน้ำมนตร์ และเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น มานะดีตั้งแต่นั้นมาก็เลี้ยงง่ายเป็นคนละคน

ยายแม้น แกบทสวดให้ขายของดีชื่อว่า คาถาแม่นางกวัก
แกจะสวดทุกเช้าก่อนเดินทางออกไปขายของ
โอมมหาสิทธิโชค อะ อุ โอม บรมปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกคนเดียวให้ชื่อว่า นางกวัก
ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงรัก ประสิทธิ์ให้แก่กู คนรู้จักถ้วนหน้า
โอมพวกพ่อค้าพากูไปถึงเมืองแมน กูได้หัวแหวนพันทะนาน
กูค้าสารพัดการก็ได้กำไรแคล่วคล่อง กูจะค้าทอง ทองก็ได้เต็มหาบ
เพียงวันนี้เป็นร้อย สามหาบมาเรือน สามเดือนเป็นเศรษฐี สามปีเป็นพ่อค้าสำเภา
พระฤๅษีเจ้าประสิทธิ์ให้แกลูกคนเดียว สวาหะฯ
แกบ่นพรึมพรำ อยู่หลายหน จึงนำน้ำมนตร์ตรงหน้าไปประพรมข้าวของที่แกขาย

ยายแม้น ขายของหาบเร่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าราวกับเปิดโรงทาน ก็มิปาน
จนเวลาล่วงเลยได้ 3 ปี แกก็เก็บหอมรอมริบจนได้เงินก้อนหนึ่ง
พอที่จะไปเช่าที่เพื่อตั้งร้านค้าอยู่ที่ตลาดหน้าวัดใหญ่ชัยมงคล

ลูกชายที่ชื่อ มานะดี จบการศึกษาเปรียญ 9 ประโยค สึกออกมาช่วยแม่ ทำมาค้าขาย

มานะดี มีมานะดีสมชื่อ ตอนบวชเรียนอยู่ที่วัดใหญ่ฯ
หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านให้เป็นคนสอนหนังสือหนังหา ลูกศิษย์วัดที่ไม่ได้บรรพชา
 เพราะพ่อแม่ขาดเรี่ยวแรงในการทำไร่ไถนา มีเวลาเพียงสัปดาห์ละ 3 วันที่ว่าง
เด็กเหล่านั้นจึงจะมาเรียนวิชาธรรมะได้

พระมานะดี เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิท่านเจ้าอาวาส
จึงได้วิชาอาคม ภาษาขอมและการสักยันต์ มาเป็นอย่างดี
จนหลวงพ่อ ให้สักยันต์แก่ศิษยานุศิษย์แทนท่านไปหลายราย

พระมานะดี บวชจนได้ 15 พรรษา
ก็อดรนทนไม่ได้ที่ยายแม้น
โยมแม่ของตน บ่นให้ฟังอยู่เสมอยามที่ใส่บาตรเช้า
ให้แด่พระลูกว่า ขายของดี เสียจนไม่มีเวลาพักผ่อน

พระมานะดี จึงบอกว่า ปีหน้าอายุครบอุปสมบท
อยู่สัก 1 พรรษาจะขอลาสิกขา มาช่วยโยมแม่ค้าขาย

เวลานั้นมาถึง ยายแม้นแกเลยสบายขึ้นมาอีกสักหน่อย
เมื่อแกไม่ต้องขายของหาบเร่ เพราะมีที่ทางค้าขายที่มั่นคง
และมีคนช่วยแบ่งเบาภาระ
แกจึงมีเวลาสวดมนตร์สวดพรมากขึ้น

บทสวดมนตร์ที่มักจะสวดคือ บทอิติปิโส 108 จบ
แกจะสวดเช้า กลางวัน หากพอมีเวลาว่าง
และเย็น จะสวดบทใหญ่ คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และอิติปิโสอย่างละ 108 จบ
ก็ถึงเวลาเข้านอนคือ 1ทุ่ม พอดี

แกชอบทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้า และเวลาเพล อยู่เป็นนิตย์

แกมีอายุได้ 80 ปี ก็สะสมเงินได้ก้อนหนึ่ง
พอที่จะสร้างศาลาการเปรียญ และศาลาธรรมสังเวช ได้ถึง 2 หลัง

ทีแรก ยายแม้นแกอยากบริจาคเงิน เพียงครอบครัวของแก
แต่ ท่านหลวงพ่อเจ้าอาวาส บอกว่า นี่เป็นบุญใหญ่
จึงควรบอกบุญนี้ไปให้ทั่วสารทิศ
ด้วยแจกซองเรี่ยไรเพื่อการจัดงานทอดกฐินมหากุศล เนื่องในเทศกาลออกพรรษา
ซึ่งโยมแม้น แกอยากเป็นหัวเรือใหญ่ก็จะมิขัดศรัทธา

นี่คือ ตัวอย่างชีวิตของ หญิงหม้ายที่ฝักใฝ่ทางธรรม
จึงได้ดีมีสุข ตราบลมหายใจสุดท้าย นั่นเอง

ถึงแม้ว่า เราท่านทั้งหลายจะมิได้นิยมการสวดมนตร์หรือเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม
แต่ก็สามารถน้อมนำคุณความดีต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเรามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
เพื่อที่จะได้มีความสุขทางใจไม่มากก็น้อย

การทำความดีมีอยู่ดาษดื่น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโลกนี้ด้วยการกินอยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ก็ดี
หรือการนำสิ่งที่ไร้คุณค่ามาก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นก็ดี
ล้วนแล้วแต่คือ การทำความดีตามแบบอย่างที่เราสามารถทำได้
โดยไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินทอง

หรือแม้แต่ การเดินทางด้วยเท้าของตัวเองจากที่หนึ่งไปยังจุดหมาย
ก็นับเป็นสิ่งดีมากมายเมื่อเทียบกับการทำความดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทน
การทำความดีโดยสุจริตใจ ไม่หวังให้คนยกย่องเยินยอ
ก็นับว่าเป็นคุณอันประเสริฐยิ่งแล้วกับเรา
คนตัวเล็กๆที่มีความสามารถไม่มากมายนักในสังคมอันกว้างใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น